ทำไม “เครื่อง AED” จึงสำคัญต่อทุกองค์กร
ทุกปีมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest) ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นในที่ทำงาน สนามกีฬา โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่สนามบิน สิ่งที่น่าตกใจคือ หากไม่ได้รับการช่วยเหลือทันที อัตราการรอดชีวิตจะลดลง 7–10% ต่อทุกนาทีที่ล่าช้า
นี่คือเหตุผลว่าทำไม เครื่อง AED (Automated External Defibrillator) หรือเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ จึงกลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ทุกองค์กรควรมีติดตั้งไว้ เพราะมันถูกออกแบบมาให้ “ทุกคนสามารถใช้งานได้” แม้ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์

ปัญหาที่หลายองค์กรเจอเมื่อไม่มีเครื่อง AED
ลองนึกภาพดูครับ…
- พนักงานคนหนึ่งล้มหมดสติกลางออฟฟิศ
- นักเรียนในโรงเรียนมีอาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน
- ลูกค้าหมดสติในร้านค้าหรือศูนย์การค้า
หากไม่มี เครื่องกระตุกหัวใจ AED ในสถานที่นั้น ๆ การช่วยเหลืออาจล่าช้า กว่ารถพยาบาลจะมาถึง โอกาสรอดชีวิตอาจเหลือน้อยมาก ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลต่อชีวิตมนุษย์ แต่ยังอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ และความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรอีกด้วย
ดังนั้นการ เลือกซื้อเครื่อง AED ที่เหมาะสมสำหรับองค์กรหรือหน่วยงาน จึงเป็นการลงทุนเพื่อความปลอดภัยของพนักงาน ลูกค้า นักเรียน หรือประชาชนที่เกี่ยวข้องกับคุณโดยตรง

วิธีเลือกซื้อเครื่อง AED สำหรับองค์กรหรือหน่วยงาน
1. ตรวจสอบมาตรฐานและการรับรอง (Certification)
- เครื่อง AED ที่ดีควรผ่านมาตรฐานความปลอดภัยสากล เช่น FDA, CE, ISO
- ตรวจสอบว่ามีการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย
2. เลือกประเภทเครื่อง AED ที่เหมาะกับการใช้งาน
- AED แบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ (Fully Automatic): กดเพียงปุ่มเดียว เครื่องจะทำงานกระตุ้นหัวใจให้อัตโนมัติ เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป
- AED แบบกึ่งอัตโนมัติ (Semi-Automatic): เครื่องจะวิเคราะห์จังหวะหัวใจและแจ้งเตือนให้ผู้ช่วยเหลือกดปุ่มช็อกเอง เหมาะกับหน่วยงานที่มีบุคลากรผ่านการฝึกอบรม
3. ความง่ายในการใช้งาน (User-Friendly)
- เครื่องควรมี คำแนะนำเป็นเสียงภาษาไทย หรือหลายภาษา
- มีหน้าจอแสดงผลชัดเจน พร้อมภาพประกอบ
- มีปุ่มควบคุมน้อย ลดความซับซ้อนในสถานการณ์ฉุกเฉิน
4. อายุการใช้งานของแบตเตอรี่และอุปกรณ์สิ้นเปลือง
- ตรวจสอบอายุแบตเตอรี่ ว่าสามารถใช้งานได้กี่ปี (ปกติ 3–5 ปี)
- แผ่นนำไฟฟ้า (Electrode Pads) ควรหาซื้อทดแทนได้ง่าย และมีวันหมดอายุชัดเจน
5. บริการหลังการขายและการบำรุงรักษา
- เลือกผู้จัดจำหน่ายที่มีบริการ ตรวจเช็กประจำปี และให้การฝึกอบรมการใช้งาน
- มีศูนย์บริการหรือทีมช่างในประเทศไทยเพื่อความสะดวกในการซ่อมบำรุง
6. ราคาและความคุ้มค่า
- ราคาของเครื่อง AED โดยทั่วไปอยู่ที่ 40,000 – 80,000 บาท ขึ้นอยู่กับฟังก์ชันและยี่ห้อ
- องค์กรควรเปรียบเทียบหลายรุ่นและหลายผู้จำหน่าย โดยไม่มองแต่ราคาถูก แต่ควรเน้นที่ความปลอดภัยและบริการระยะยาว
7. ความเหมาะสมกับสถานที่ติดตั้ง
- หากเป็น สำนักงาน ควรเลือกเครื่องที่ติดตั้งในจุดรวมพลหรือใกล้ห้องพยาบาล
- หากเป็น โรงเรียนหรือสนามกีฬา ควรเลือกเครื่องที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม
- หากเป็น ห้างสรรพสินค้าและสนามบิน ควรติดตั้งหลายจุด เพื่อให้เข้าถึงได้ภายในเวลาไม่เกิน 3 นาที
ถึงเวลาติดตั้งเครื่อง AED เพื่อความปลอดภัยของทุกคน
การเลือกซื้อเครื่อง AED ไม่ใช่เพียงการปฏิบัติตามกฎหมายหรือข้อกำหนด แต่คือการสร้าง “วัฒนธรรมความปลอดภัย” ในองค์กร คุณไม่มีทางรู้เลยว่าเหตุการณ์ฉุกเฉินจะเกิดขึ้นเมื่อไร แต่การมีเครื่อง AED อยู่ใกล้มือ สามารถช่วยชีวิตได้จริง
👉 หากคุณเป็นผู้บริหาร เจ้าของธุรกิจ หรือผู้ดูแลหน่วยงาน สัญญาณที่ชัดเจนที่สุดคือ ตอนนี้ควรเริ่มวางแผนเลือกซื้อและติดตั้งเครื่อง AED ทันที
เพราะชีวิตของพนักงาน ลูกค้า นักเรียน หรือประชาชนที่เกี่ยวข้องกับคุณนั้น มีค่ามากกว่าตัวเลขราคาเครื่อง AED หลายเท่า

สรุป
การเลือกซื้อ เครื่องกระตุกหัวใจ AED สำหรับองค์กรหรือหน่วยงาน ควรพิจารณาตั้งแต่มาตรฐานความปลอดภัย ความง่ายในการใช้งาน อายุการใช้งานอุปกรณ์ บริการหลังการขาย รวมถึงความเหมาะสมกับสถานที่ติดตั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจริง เครื่อง AED จะพร้อมใช้งานทันที
เพราะในยามวิกฤต… ไม่กี่นาทีแรกคือความแตกต่างระหว่าง “ความรอด” และ “ความสูญเสีย”
SKT SECURITY : ผู้ชำนาญในการวางระบบความปลอดภัย ครบวงจรทั้งหมด มุ่งเน้นในการสร้างศักยภาพของบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญและมีหัวใจในการบริการ
TEL : 02-720-1171-4
WEBSITE: WWW.SKTSECURITY.CO.TH
LINE : @SKTSECURITY

